วันพฤหัสบดีที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2554

ตัน-โน้ส แตกต่างอย่างลงตัว



หลายคนคงได้เห็นผลงานของเพื่อนซี้ต่างวัย เจ้าพ่อนักคิด นักการตลาด ตัน ภาสกรนทีและโน้ส อุดม หนุ่ีมนักเดี่ยวทอล์กโชว์ ที่ดูผิวเผินเหมือนไม่น่าจะเดินด้วยกันได้  แต่ทุกวันนี้หลายคนก็ยอมรับว่า  คู่นี้เติมเต็มความแตกต่างได้อย่างลงตัว


ไม่ว่าจะเป็นงานแสดง ทอล์กโชว์ในมาดใหม่ของคุณตัน ภาสกรนที ที่ให้ความรู้สำหรับนักธุรกิจทั้งรุ่นเก่ารุ่นใหม่  แถมได้อารมณ์ขำขันของหนุ่มโน้สเข้าไปเพิ่มความฮา  งานโฆษณาเครื่องดื่มชนิดใหม่ที่ชมแล้วก็อดอมยิ้มตามไปไม่ได้  กิจการร้านไอศกรีมของหนุ่มโน้ส ซึ่งได้ที่ปรึกษาทางธุรกิจระดับเก๋ามาช่วย  ตลอดจนงานบุญช่วยผู้ประสบภัยอีกหลายงาน  ที่เรามักจะได้เห็นชายสองคนนี้มาร่วมงานกัน

อะไร ทำให้พวกเขาเข้ากันได้อย่างลงตัว ?


โน้ส อุดม หยิบมาเล่าถึงช่วงหนึ่งเต็มๆ ชนิดไม่เก็บอาการปลื้ม
"คุณตันมาได้ใจผมตอนงานเดี่ยว 8 ถ้าใครเคยดูคงจำได้ ตอนนั้นผมเปิดแสดง ไปแล้วหลายรอบ แต่มานั่งกินข้าวที่นี่เห็นไฟสวยจังอยากขอมาแขวนในงานเดี่ยวครั้งหน้า แกบอกไม่ต้องครั้งหน้าเอาครั้งนี้เลย รุ่งขึ้นปลดไฟจากต้นไม้ขนมาส่งให้ถึงหน้างาน"  โน้สเล่าถึงคาแรคเตอร์ความเป็นคนใจถึงพูดจริง ทำจริง ของตัน จนทำให้มิตรภาพของคนทั้งคู่ก่อตัวขึ้นเรื่อยๆ

หลังจากพบกันครั้งแรกที่เชียงใหม่ ตัน พาน้องกิ๊ฟ ลูกสาวที่เรียนจบด้านศิลปะจากเซนต์มาร์ติน ประเทศอังกฤษ มานั่งคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็น เพราะลูกสาวไฟแรงอยากเปิด Art Center ที่เชียงใหม่
ความชอบศิลปะเหมือนกัน มาสุมหัววาดรูปด้วยกันบ่อยๆ กลายมาเป็นมิตรภาพดีๆ ระหว่างโน้สกับกิ๊ฟเพื่อนรุ่นน้อง จนขยายวงไปถึงป๊ะป๋าตัน และต่อไปถึงกลุ่มเพื่อนสาวในแก๊งของโน้ส อย่าง ปลา-อัจฉรา บุรารักษ์, ตุ๊กตา-อินทิรา แดงจำรูญ จนกระทั่ง 3 สาวเพิ่งกอดคอมาเป็นหุ้นส่วนเปิดกิจการร้านส้มตำแซ่บอีลี่ด้วย กันที่อารีน่า ทองหล่อ
"พักหลังคุณตันชอบเรียกผมไปกินข้าวด้วยกัน  ซึ่งผมจะดีใจทุกครั้ง หนึ่ง..เพราะได้กินของดี (หัวเราะ) สอง..เหมือนได้ไปนั่งเรียนเลคเชอร์กับคุณตัน บางครั้งคุยกันเขาสอนผมเรื่องการบริหารการเงิน ความมั่นคงในอาชีพของผม การใช้คน ข้อห้ามสำหรับการทำธุรกิจ ซึ่งเรื่องตัวเลขกับผมเนี่ยไม่เคยสนใจมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว แต่พอมาฟังแล้วเหมือนได้เลคเชอร์ดีๆ กลับบ้าน"

นิสัยเหมือนกันอย่างหนึ่ง ที่รู้สึก "คลิก" มาก โน้ส หัวเราะบอกว่า น่าจะเป็น นิสัย "ลูกบ้า" ชอบคิดทำอะไรแผลงๆ เหมือนมีเคมีเพี้ยนๆตรงกันบางอย่าง

"อย่างคุณตันเล่าว่าจะทำห้องคาราโอเกะจะทำเป็นห้องอะไรดี ผมบอกร้องห้องคาราโอเกะดีๆ นั่งเบาะหนังหรูๆ คนเขาเบื่อกันแล้ว ทำเป็นห้องคุกดีกว่า ถ้าเป็นคนอื่นคงบอกมันจะดีเหรอ แต่คุณตันบอกเอา ! เอามา 2 ห้องเลย"

คาราโอเกะหลุดโลกที่ว่า  กำลังจะเปิดให้บริการบนอาคารเดโม่บนพื้นที่โครงการอารีน่า ทองหล่อ เป็นตึกอพาร์ตเมนต์เก่าๆ โทรมๆ ที่กำลังจะทุบทิ้ง  "ถ้าเป็นคนอื่นคงทาสีใหม่ แต่คุณตันบอกทำให้มันแปลกไม่เหมือนใครไปเลย ปล่อยให้มันดูเก่าๆ อย่างนั้นแต่จะทำให้ข้างในใหม่ให้วิ้งๆ "
ทั้งคู่ยังเคยมีวีรกรรมมันส์ๆ ร่วมกัน อย่างเช่นชวนกันนั่งรถไปดูที่ดินตอนตีสอง "ผมปรึกษาคุณตันว่าอยากเก็บเงินด้วยการซื้อที่ดิน คุณตันบอกว่าคุณห้ามซื้อที่นะจนกว่าผมจะอนุญาต เพราะคุณดูที่ไม่เป็นหรอก พร้อมกับเล่ามหากาพย์ให้ฟังเรื่องที่ดินแต่ละแปลงได้มายังไง สอนผมว่าบางคนชอบคิดว่า ซื้อที่ดินแล้วจะเพิ่มมูลค่า ที่ดินบางที่มูลค่ามันจะอยู่อย่างนั้นไปเป็นสิบๆ ปี แต่บางที่เนี่ยแค่สองปีนะมันทบไปอีกเท่าตัว  วันนั้นนั่งคุยกันถึงตีสองจะแยกย้ายกันกลับ เขารู้ว่าผมอยากได้ที่ผืนนั้นจนตัวสั่น เลยชวนไปดูที่ด้วยกันคืนนั้น นั่งรถตู้ไปด้วยกัน เอาลูกสาวขับรถตามไปด้วย เดินกันแบบมืดๆ ลุยหญ้า หมาเห่าทั้งซอย กลับบ้านกันตีสาม หาวกันหวอดๆ"
เพื่อนนักธุรกิจใหญ่ต่างรุ่นคนนี้เลยได้ใจโน้สอุดมไปเต็มๆ เขายังรู้สึกว่าตันเป็นเหมือน "อาจารย์" ที่ช่วยสอนประสบการณ์ชีวิตหลายๆ เรื่องผ่านบทสนทนาในโต๊ะกินข้าว วันไหนถ้าว่างๆ โน้สจะขอนั่งรถไปกับตันด้วย ยิ่งคุยยิ่งชอบเก็บเรื่องเล่าของตันกลับไปนั่งจดโน้ตที่บ้าน

"ผมรู้สึกว่า คุณตันเป็นคนน่าทึ่ง จบ ม.3 แต่รวยเป็นหมื่นล้านได้ แสดงว่าระบบความคิดต้องมีอะไรสักอย่างที่น่าสนใจ เขาสอนผมหลายเรื่องจนคิดว่าอยากทำเดี่ยวไมโครโฟนให้ ผมอยากเป็นโปรดิวเซอร์ให้ อยากให้คนอื่นได้ยินในสิ่งที่ผมได้ยินประสบการณ์ตรงของคนคนหนึ่งที่เรียนรู้ จากความล้มเหลว เล่าแบบบ้านๆ ให้คนบ้านๆ อย่างเราฟังแล้วเข้าใจ เขามีแนวคิดยังไง บริหารคน บริหารลูกน้องยังไง "
ตัน ตอบโอเค เพราะกำลังมีความคิดอยากจัดงานการกุศลสักงานหาเงินไปสร้างโรงเรียนต้นแบบที่ อำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี บ้านเกิด โน้ส เล่าว่า คิดคอนเซปต์เดี่ยวครั้งแรกในชีวิตของ ตัน โออิชิ ไว้แล้วว่า "เหมาเจอตัน" เพราะรู้สึกว่าตันเป็นคนที่กล้าลุกขึ้นมาปฏิวัติอะไรบางอย่างในวงการธุรกิจ การทำตลาดของโออิชิมันดูบ้านๆ แต่กระชากความสนใจ อย่างไปแต่ตัวทัวร์ยกแก๊ง เด็กในออฟฟิศผมทุกคนกินโออิชิเก็บฝามาชิงโชคกันเป็นล่ำเป็นสัน

แม้จะมีดีกรีทั้งคู่ แต่ตันยอมรับว่ากังวลไม่น้อยเกี่ยวกับการทอล์กโชว์ครั้งแรกของเขา แม้จะผ่านการบรรยายมาอย่างโชกโชน แต่เขาบอกว่าความรู้สึกไม่เหมือนกัน แต่อย่างน้อยก็อุ่นใจที่ได้ผู้เชี่ยวชาญอย่างโน้สมาเป็นโปรดิวเซอร์

“โน้สบอกว่าผมทำได้ แต่ผมมองตัวเองไม่ออก (หัวเราะ) ตอนนี้โน้สเอาเทปบรรยายในที่ต่างๆ ของผมไปดูอยู่ ในฐานะโปรดิวเซอร์ผมเชื่อว่าเขาจะทำให้การบรรยายบนเวทีของผมไม่เหมือนเดิม มีเสน่ห์ของเขาเข้ามาทำให้มีสีสันน่าติดตามมากขึ้น แต่อย่าคาดหวังมากนะ (หัวเราะ)”

โน้สรับผิดชอบเรื่องรูปปั้น “เหมาเจ๋อตัน” ขนาดเท่าตัวจริงที่จะใช้โปรโมตทอล์กโชว์นี้ เขาได้ไอเดียจากรูปร่างและบุคลิกของเหมาเจ๋อตุง เมื่อเรียบร้อยแล้วตันบินไปถ่ายรูปกับรูปปั้นนี้ถึงเชียงใหม่ และอัพโหลดลง Facebook ของเขาทันที ส่วนขนาดเล็กปั้นเป็นกระปุกออมสินสูง 30 ซม. จะเป็นของที่ระลึกแจกจ่ายให้กับพนักงานโออิชิ

“ส่วนตัวชื่นชอบโน้สอ ยู่แล้ว เคยไปดูเดี่ยวก็หลายครั้ง บางครั้งก็หลายรอบ ชอบที่เขาหยิบเอาเรื่องเล็กๆ เอาเรื่องราวที่คนอื่นมองว่าไร้สาระมานำเสนอได้สนุก ได้ข้อคิด” ตันเปิดใจ

ใน ทางกลับกัน เมื่อโน้สโค้ชชิ่งตันเรื่องเดี่ยว ตันตอบแทนโน้สด้วยการโค้ชชิ่งเรื่องการลงทุน  ในฐานะนักลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เก่งกาจในเรื่องของ Strategic Location

“ผมบอกโน้สว่าอนาคตโน้สก็ทำเดี่ยวไปตลอดชีวิตไม่ได้ เราต้องมีรายได้จากการที่เราไม่ต้องทำงาน 2 เท่าของรายจ่าย เราถึงจะอยู่ได้ เลี้ยงลูกน้องได้ เขาก็สนใจในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์อยู่เป็นทุนเดิมด้วย”


มิตรภาพที่เกิด ขึ้น  ท่ามกลางบทพิสูจน์ที่แสดงให้เห็นว่า แม้คิดต่างก็เป็นเพื่อนกันได้เสมอ  



อ้างอิง http://www.job1hit.com/news/3775/

วันศุกร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2554

5 ขั้นตอน Work-Life Balance ชีวิตการงานที่สมดุล




หากคุณประสบปัญหาไม่อาจควบคุมชั่วโมงในการทำงานได้ในแต่ละวัน

รู้สึกว่าทำงานหนักเกินไป

หรือต้องแข่งขันในชีวิตธุรกิจจนเหนื่อย



ลองออกจากกรอบชีวิตการทำงานแบบเดิม  มาลองใช้โปรแกรมที่จะทำให้คุณประสบความสำเร็จได้อย่างมีความสุข  ซึ่งแบ่งเป็น 5 ขั้นตอน ได้แก่


1. จัดตารางเวลาทำงานและเวลาพักผ่อนของคุณ

เมื่อคุณวางแผนการทำงานได้ในแต่ละสัปดาห์  อย่าลืมวางแผนสำหรับครอบครัวและเพื่อนของคุณด้วย  เช่น Michael Neithardt นักแสดงและโปรดิวเซอร์ชาวอเมริกัน ตื่นก่อนไปทำงาน 3 ชั่วโมง  เพื่อให้เขาได้มีช่วงเวลาเพิ่มขึ้น สำหรับภรรยาและลูกในแต่ละวัน


2.  จัดกิจกรรมไม่ให้ต้องเสียเวลาและพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

หลายคนเสียเวลาไปกับกิจกรรมที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ทั้งกับตัวเองและกับคนรอบข้าง  เช่น การนั่งครุ่นคิดถึงงานที่ยุ่งยาก  การเล่นโซเชียลเน็ตเวิร์คนานเกินไปและการซุบซิบนินทา  ซึ่งเวลาในการทำสิ่งเหล่านี้  อาจนำไปใช้ในการวางแผนการทำงานได้


3. ใช้เทคนิคใหม่จัดการธุระนอกบ้าน

คุณอาจใช้ิวิธีการสั่งซื้อของออนไลน์ แทนการเดินทางออกไปซื้อของในระยะไกล  การใช้อุปกรณ์ช่วยในการทำงานบ้าน  เพื่อให้คุณได้มีเวลาพักผ่อนกับครอบครัวมากขึ้น  แทนที่จะต้องใช้เวลาวันหยุดไปกับการซื้อของและการทำงานบ้าน

4. เคลื่อนไหวบ้าง

การออกกำลังกายจะช่วยให้คุณรู้สึกกระปรี้กะเปร่าและทำให้ร่างกายของคุณตื่นตัว  นอกจากนี้  ยังทำให้คุณรู้สึกมีไฟและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

5. การพักผ่อนเพียงเล็กน้อย จะส่งผลต่อคุณในระยะยาว

การใช้เวลาเพียง 10 - 15 นาที ในแต่ละวัน อาบน้ำ อ่านเรื่องขำขัน  ออกไปเดินเล่น หรือแวะฟังเพลงบ้าง จะช่วยให้ชีวิตของคุณมีความสุข และมีชีวิตที่ยืนยาวขึ้น อย่ามัวแต่ทำงานล่ะ

อ้างอิง : http://www.facebook.com/Job1Hit

วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2554

คำคมการงานจากโธมัส อัลวา เอดิสัน



“To invent, you need a good imagination and a pile of junk.” 
ในการประดิษฐ์คิดค้น  คุณจะต้องมีจินตนาการที่ดีกับกองขยะสักกองหนึ่ง

“All Bibles are man-made”
คัมภีร์ไบเบิลทั้งหมดเป็นสิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้น


“Genius is one percent inspiration and ninety-nine percent perspiration.”
อัจฉริยะ คือ  แรงบันดาลใจ 1 เปอร์เซ็นต์และหยาดเหงื่ออีก 99 เปอร์เซ็นต์


“I haven't failed, I've found 10,000 ways that don't work”
ผมไม่เคยล้มเหลว  ผมแค่พบ 10,000 วิธี ที่ใช้การไม่ได้เท่านั้น


“Good fortune is what happens when opportunity meets with planning.”
โชคดีเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อโอกาสมาพบกับการวางแผน


“The three great essentials to achieve anything worth while are, first, hard work; second, stick-to-itiveness; third, common sense.”
สามสิ่งที่สำคัญยิ่งในการทำสิ่งที่มีค่า ได้แก่ หนึ่ง ความขยันขันแข็ง  สอง การยึดมั่นในความคิดริเริ่ม  และสาม สามัญสำนึก


“I never failed once. It just happened to be a 2000-step process.”
ผมไม่เคยล้มเหลวสักครั้ง  มันก็แค่หนึ่งในกระบวนการ 2,000 ขั้นตอน


“I never did a day's work in my life. It was all fun.”
ผมไม่เคยทำงานแม้สักวันเดียวในชีวิต ทั้งหมดนั้น คือ ความสนุก


“Nearly every man who develops an idea works it up to the point where it looks impossible, and then he gets discouraged. That's not the place to become discouraged.”
เกือบทุกคนพัฒนาไอเดียไปสู่จุดที่น่าจะเป็นไปได้  แต่แล้วพวกเขาก็หมดกำลังใจ  ทั้ง ๆ ที่จุดนั้น  ไม่ใช่ที่ซึ่งจะกลายเป็นความสิ้นหวังแท้ ๆ


ที่มา : http://www.job1hit.com/news/3233/